Black Gold (2011) ล่าขุมทองดับตะวัน
Black Gold (2011) ล่าขุมทองดับตะวัน เป็นภาพยนตร์สงครามประวัติศาสตร์มหากาพย์ปี 2011 ที่สร้างจากนวนิยายเรื่อง South of the Heart: A Novel of Modern Arabia ของ Hans Ruesch ในปี 1957 กำกับการแสดงโดย Jean-Jacques Annaud อำนวยการสร้างโดย Tarak Ben Ammar และร่วมอำนวยการสร้างโดย Doha Film Institute นำแสดงโดย Tahar Rahim, Antonio Banderas, Freida
อาราเบีย ต้นศตวรรษที่ 20 ภายใต้ความขัดแย้ง ก่อเกิดเป็นสงครามระหว่างสองเผ่าใหญ่ เนซิบแห่งฮอไบกา ผู้มีชัยยื่นข้อเสนอสันติภาพแก่ อามาร์แห่งซัลมาห์ผู้พ่ายแพ้ ให้พื้นที่พิพาทระหว่างสองอาณาจักร ดินแดนที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้าครอบครอง ซึ่งถูกเรียกว่าเขต “เยลโลว์ เบลท์” อีกทั้งอามาร์ต้องส่งบุตรชายทั้งสองของเขา ซาลีห์และอูดา ให้มาอยู่ในการดูแลของเนซิบ เพื่อเป็นหลักประกันว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่ละเมิดข้อตกลง หลายปีต่อมา เด็กทั้งคู่เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ ซาลีห์ สนใจเรื่องอาวุธ การต่อสู้ ตรงข้ามกับ อูดา ที่หมกมุ่นอยู่กับตำรา การใฝ่หาวิชาความรู้ ต่อมาอนาคตของอาราเบียก็เริ่มแปรผัน เมื่อมีพ่อค้าน้ำมันชาวอเมริกัน คนหนึ่งมาเยือนฮอไบกา บอกว่าดินแดนแห่งนี้อุดมไปด้วยน้ำมันมูลค่ามหาศาล ซึ่งจะทำให้คนที่เป็นเจ้าของมันได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เขาปรารถนา เหตุนี้เองเนซิบจึงเริ่มฝันถึงถนนหนทางที่สะดวกสบาย รวมทั้งโรงเรียนโรงพยาบาลอีกหลายแห่ง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าผืนดินที่โอบอุ้มน้ำมันไว้นั้น คือ ผืนดินที่อยู่ในเขตเยลโลว์ เบลท์ ซึ่งห้ามผู้ใดล่วงล้ำนั่นเอง เมื่อซาลีห์พยายามหนีกลับไปยังดินแดนบ้านเกิด เขาจึงถูกสังหาร ส่งผลให้ภาระหนักได้ตกอยู่ที่อูดา เขากลายเป็นความหวังเดียวในการรักษาสันติ เขาต้องเข้าพิธีวิวาห์กับ เจ้าหญิงเลย์ลา ธิดาของเนซิบ เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกครั้ง จากนั้นเนซิบก็ส่งอูดาไปซัลมาห์ในฐานะทูตสันติภาพ นั่นคือการเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้หนุ่มผู้คงแก่เรียน ในเรื่องของความนอบน้อมถ่อมตน ความเสียสละ ความศรัทธา อูดาได้เปลี่ยนตัวเองจากชายผู้หมกตัวอยู่แต่ในห้องสมุดเป็นผู้นำที่น่าเกรงขาม เขาเดินทางกลับไปหาเนซิบ พร้อมภาระกิจลับที่ได้รับมอบหมายจากอามาร์ผู้เป็นบิดา ภารกิจแห่งการแย่งชิงดินแดนเยลโลว์ เบลท์ ที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของทั้งสองอาณาจักรไปตลอดกาล
หนังดราม่า ไม่เชิงเป็นหนังดราม่าแนวน่าเบื่อ ตัวหนังที่ดูยิ่งใหญ่ และ อลังการ ที่ฉากเมืองฮอไบก้าก็สามารถออกแบบมาได้เลิศหรู และชอบฉากแอ็คชั่นช่วงสุดท้ายของหนัง เพราะเล่นระดมทั้งม้า , รถถัง และอื่น ๆ อีกมากมายที่เรียกว่าดูดีเกินหน้าหนังมากจริง ๆ พร้อมไปทั้งการที่ผู้กำกับ ฌอง ฌาก อานโนด์ นั้นยังถือว่าคุมโทนตัวหนังของเขาได้ดีแทบทุกเรื่อง ตอนแรกนึกว่า จะน่าเบื่อซะแล้ว แต่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี สลับไปกับฉากแอ็คชั่น และฉากปลุกอารมณ์ความตื่นเต้น พร้อมทั้งการที่หนังใส่เรื่องราวของการชิงไหวพริบของ 2 เผ่า ที่แฝงไปด้วยประเด็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ความรู้ , ความฉลาด ไหวพริบ และการดำเนินเล่าเรื่องที่ค่อนข้างใช้ได้ ผสมกับบทที่ฉลาดเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ คะแนนโดยรวม 8/10
ความคิดเห็น