The Hummingbird Project (2018) โปรเจกต์สายรวย
ภาพยนตร์ The Hummingbird Project (2018) โปรเจกต์สายรวย เรื่องนี้เป็นการนำเสนอจะโดยผู้กำกับและเขียนบทอย่าง คิม เหงียน หนึ่งในผู้กำกับที่เคยพาภาพยนตร์เรื่อง War Witch เข้าชิงรางวัลออสการ์หนังต่างประเทศในปี 2012 ซึ่งในครั้งนี้เขาได้วางคาแรกเตอร์ตัวหลักอย่าง วินเซนต์ แสดงโดย เจสซี ไอเซนเบิร์ด ที่มีความบ้าคลั่งมุทะลุในตัว ซึ่งจะสะท้อนความโลภในโลกทุนนิยมได้อย่างคมคาย เป็นภาพยนตร์แนวชีวิต / ระทึกขวัญ ซึ่งผู้กำกับจะเล่าเรื่องแนวชีวประวัติของบุคคล แต่ยังสอดแทรกความสนุก โดยบทตัวละคร ที่ต้องช่วงชิงความรวดเร็วและความฉับไว ในการเป็นที่หนึ่งของธุรกิจ โดยการบอกเล่าเรื่องราวในโลกของแวดวงธุรกิจ เป็นความฝันของหลาย ๆ คนที่เกิดขึ้นจากกระแสทุนนิยม การกลายเป็นมหาเศรษฐี คือความใฝ่ฝันของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเซเลสกี้เด็กหนุ่มไฟแรงและแอนทอน เซเลสกี้ลูกพี่ลูกน้องของเขา ที่ได้ร่วมมือกันคิดค้นโปรเจกต์ใหม่ในการวางสายเคเบิลผ่านท่อขนาดเล็ก ซึ่งมีความยาวเพียง 4 นิ้ว ด้วยความยาวหลายร้อยไมล์ เพื่อช่วงชิงความเร็วในการคว้าราคาหุ้นให้เร็วกว่าคู่แข่งคนอื่น ๆ ว่าโอกาสนั้นได้ไวแค่เพียง 1 วินาที นั่นแปลว่าเขาจะได้ผลกำไรตอบแทนมากขึ้นนั่นเอง สิ่งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเขาทั้งคู่ที่ได้ตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานเก่า เพื่อต่อยอดความฝันด้วยการสร้างโปรเจกต์ ที่มีชื่อว่า “โปรเจกต์ฮัมมิงเบิร์ด” พวกเขามีไอเดียเต็มหัวไปหมด แต่มีแค่ไอเดียก็คงไม่พอ เพราะเด็กหนุ่มไฟแรงอย่างเขากับสิ่งที่ขาดไป นั่นคือเงินทุนในการเดินหน้าโครงการนี้ ซึ่งทุนที่ใช้นั้นมหาศาลเลยทีเดียว พวกเขาจึงตัดสินใจเขาหาบริษัทใหญ่ เสนอแนวคิดและขอเงินสนับสนุนทุนเหล่านั้น ซึ่งพวกเขาก็ทำสำเร็จการเริ่มต้นใน Project ครั้งนี้เขาจะทำการวางสายไฟเบอร์ ซึ่งจะต้องวางเป็นเส้นตรง แต่จะต้องเจาะผ่านพวกเขาแม่น้ำรวมไปถึงผ่านกลางบ้านของผู้คน
หลังจากรับชมภาพยนตร์จบแล้วโดยส่วนตัวเราขอให้คะแนนอยู่ที่ 6.5/10 คะแนน ถ้าหากพูดถึงพล็อตเรื่องที่ผู้กำกับต้องการนำเสนอเราคิดว่าเป็นภาพยนตร์ที่เฉพาะกลุ่มมาก ๆ ซึ่งการดำเนินเรื่องของตัวละครหลักทั้ง 2 ตัวนั้นที่นำมาปะทะกัน เรียกได้ว่าเข้าขาอย่างมาก อีกทั้งยังมีรายละเอียดของตัวละครสมทบ ภายในเรื่องที่สร้างความสนุกไม่น้อย การเลือกโลเคชั่นที่เข้ากับสถานการณ์ในเรื่องก็ถือว่าทำออกมาได้ดี โทนสีภาพเย็นชา ดูอบอุ่นที่สร้างความประทับใจได้อย่างมาก ในส่วนของทีมนักแสดงต้องขอบอกเลยว่าเป็นการ casting ที่ฉลาดอยากมาก เพราะเป็นการผลิตบทบาทภาพลักษณ์เดิม ๆ ของแต่ละคนไปเลย ทั้งฉากดราม่าและซีนอารมณ์หนัก ๆ ตัวนักแสดงเอาอยู่ สามารถถ่ายทอดอารมณ์และทำให้เราอินตามไปได้ โดยจุดเด่นหลัก ๆ ของเรื่องคือ การเล่าเรื่องที่ชวนลุ้นระทึก ไปกับตัวละครตัวบทสะท้อนความโลภในโลกทุนนิยม ที่ส่วนใหญ่แล้วเราสามารถเห็นได้ ขอปรบมือให้กับทีมนักแสดง ที่สื่อสารออกมาได้ดีมาก ๆ ส่วนบทสรุปทิ้งท้ายให้คนดูได้เห็นว่า บางทีความฝันที่เราได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ก็สามารถล่มสลายได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องรักษาเอาไว้นั่นคือชีวิตและจิตวิญญาณ เพราะจริง ๆ แล้วไม่ใช่ทุกคนจะประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ง่าย ๆ ซึ่งการเป็นผู้แพ้และยอมรับกับความผิดหวังนั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถเยียวยาตัวเองได้อีกทางเช่นกัน การล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่เป็นจุดเริ่มต้นให้เรากลับมามองเห็นตัวเองได้อีกครั้ง สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวถ่ายทอดโลกแห่งความจริง เสียดสีสังคม ที่มาพร้อมความสนุกและโครดระทึก สามารถเข้ามารับชมได้
ความคิดเห็น