Showing Up (2023)
ภาพยนตร์คอมเมดี้ ดราม่าอเมริกันเรื่อง Showing Up (2023) นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับลิซซี่ ประติมากรสาวที่กำลังจะจัดงานแสดงผลงานท่ามกลางความปวดร้าว นำแสดงโดย มิเชลล์ วิลเลียมส์ รับบทเป็น ลิซซี่, ฮองเชา รับบทเป็น โจ, แมรีแอนน์ พลันเก็ตต์ รับบท ฌอง, จอห์น มากาโร รับบท ฌอน, อังเดร เบนจามิน รับบทเป็น เอริค, และนักแสดงท่านอื่น ๆ อีกมากมายที่ร่วมมอบความสนุกสนาน ทั้งนี้ยังได้ เคลลี เรชาร์ดต มานั่งแท่นกำกับ พร้อมทีมเขียนบทโดย โจนาธาน เรย์มอนด์, เคลลี่ ไรชาร์ด, โจนาธาน เรย์มอน และนีล คอปป์, วินเซนต์ ซาวิโน, อานิช ซาฟจานี รับหน้าที่อำนวยการผลิต
ลิซซี่ ประติมากรสาว และเธอยังเป็นผู้ช่วยบริการงานศิลปะให้กับแม่ที่วิทยาลัยศิลปะและหัตถกรรมออริกอน นอกจากนี้ลิซซี่ยังกำลังจัดงานแสดงผลงานของตัวเอง ซึ่งเป็นงานประติมากรรมดินเหนียวผู้หญิงที่มีท่าทางการเคลื่อนไหวสนุกสนานแต่แฝงไปด้วยความปวดร้าว ทั้งนี้เพื่อนของบ้านของลิซซี่และโจคนนี้เขาเองก็เป็นศิลปินและยังเป็นคู่แข่งของเธอ แถมบ้างครั้งยังหาเรื่องทะเลาะกับพวกเธออีกด้วย ภาพตัดมาที่ลิซซี่เธอมักบอกโจให้ซ่อมเครื่องทำน้ำอุ่นให้ แต่โจเองกลับไม่สนใจ ซึ่งโจมักจะไปให้ความสำคัญกับสิ่งอื่น ๆ มากกว่า อย่างเช่น แขวนชิงช้ายางในสวนหลังบ้าง ส่วนลิซซี่เองก็กังวัลว่าจะจัดการแสดงผลงานไม่ทันวันอังคาร เธอจึงตัดสินใจหยุดงานเพื่อจัดทำงานประติมากรรมให้เสร็จ พอเวลากลางคืนมีนกพิราบบินเข้ามาในบ้าน ลิซซี่ขว้างนกพิราบออกไปข้างนอกแต่โจกลับไปช่วยไว้ และให้เธอเป็นคนดูแลนกพิราบตัวนั้นต่อ ตัดมาที่วันหยุดสุดสัปดาห์ก่อนการแสดงผลงาน ปรากฎว่าผลงานชิ้นสุดท้ายของลิซซี่ถูกไฟไหม้จากด้านหนึ่งจากเตาเผา ในวันที่ไปเยี่ยมฌอน ภาพตัดมาที่แม่ของลิซซี่ได้พาตัวฌอนเข้านอนหลังจากเขามีอาการทางจิต เมื่อถึงวันงานแสดงของลิซซี่ ครอบครัวของเธอได้ปรากฎตัวขึ้น และเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ลิซซี่จะจัดแสดงผลงานสำเร็จหรือไม่ไปติดตามเอาใจช่วยเธอกันเลย
จบไปกับภาพยนตร์เรื่อง Showing Up (2023) ซึ่งทางทีมเขียนบทและผู้กำกับได้นำเสนอถึงเรื่องราวของประติมากรสาวที่มีชื่อว่าลิซซี่ เธอเองต้องการจัดการแสดงผลงานประติมากรรมดินเหนียว ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อนมากมาย ดูแล้วเข้าใจง่ายไม่ต้องคิดมาก แต่ก็แฝงไปด้วยความดราม่าเล็กของลิซซี่ที่มีต่อโจ ส่วนงานโปรดักชั่นนั้นทำออกมาได้เนียน ๆ ทั้งมุมกล้อง งานภาพ งานเสียง รวมถึงฉากต่าง ๆ ที่สร้างขึ้น ทำให้ผู้ชมรับรู้ถึงอารมณ์ของหนังในซีนนั้นได้เป็นอย่างดี สำหรับตัวละครหลักแต่ละท่านร่วมถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว หากดูภาพรวมแล้ว เราคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังอีกเรื่องที่ควรดูเป็นอย่างยิ่ง
คะแนนภาพรวมอยู่ที่ 9.0 เต็ม 10 คะแนน
National Board of Review[6] ในปี 2024 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัล Robert Altman Award จากงาน Independent Spirit Awards ครั้งที่ 39
ความคิดเห็น