The Burial (2023) ความยุติธรรมที่ถูกฝัง
The Burial (2023) ความยุติธรรมที่ถูกฝัง ภาพยนตร์จากทาง Amazon Studios แนวดราม่า สร้างจากเรื่องจริง กำกับโดย แม็กกี้ เบ็ตส์ นักแสดงนำโดย เจมี ฟ็อกซ์, ทอมมี่ ลี โจนส์, เจอร์นี สมอลเล็ตต์-เบลล์
เรื่องราวเริ่มต้นที่ เจอเรไมห์ โอคีฟ เจ้าของธุรกิจฌาปนกิจที่ได้รับการสืบทอดมาจากครอบครัวมาหลายต่อหลายรุ่น เขาตัดสินใจจ้างธนาคารผิวสีอย่าง วิลลี แกร์รี ให้เข้ามารับผิดชอบคดีในครั้งนี้ ซึ่งทนายผิวสีคนนี้ต่างเป็นที่เลื่องลือและมีชื่อเสียงอย่างมาก โดยในระยะเวลาการทำงานของเขานานกว่า 12 ปี เขาไม่เคยแพ้คดีเลยสักครั้งเดียว ทำให้เขาร่ำรวยจากค่าคดีต่าง ๆ ที่ตัวเองทำอย่างมากมาย ซึ่งครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการท้าทายตัวเองเหมือนกัน เพราะตลอดการทำงานวิลลีไม่เคยว่าความให้คนขาวมาก่อนนั้นเอง ในครั้งนี้เจอเรไมห์เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ธุรกิจครอบครัวตัวเองกำลังต่อสู้กับองค์กรยักษ์ใหญ่ที่พยายามเอาเปรียบเขาอยู่ โดยธุรกิจของเขามีทั้งหมดอยู่ 8 แห่งทั่วรัฐพร้อมกับธุรกิจประกันภัย สิ่งนี้เองที่ทำให้นายทุนต้องการที่จะซื้อธุรกิจของเขา 3 แห่ง พร้อมยื่นข้อเสนอในการแบ่งส่วนการตลาดให้ด้วย เนื่องจากพวกเขาเล็งเห็นว่า กลุ่มธุรกิจฌาปนกิจจะสร้างเงินให้แก่พวกเขาได้นั้นเอง ในขณะที่การเจรจาในครั้งแรกดูจะเป็นไปด้วยดีตามเงื่อนไขที่ให้แก่เจอเรไมห์มา แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึง 4 เดือน กลุ่มนายทุนกลับต้องการที่จะขอแก้เงื่อนไขต่าง ๆ แถมยังยืดเวลาทำให้เกิดความเสียหายภายในธุรกิจของเจอเรไมห์ ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจต่าง ๆ เป็นไปอย่างช้าและยากลำบาก เหตุการณ์นี้เองที่ทำให้เจอเรไมห์รู้ทันทีว่าตัวเองกำลังโดนหลอกจากการเจรจาในครั้งก่อน ดูเหมือนว่าพวกนายทุนเพียงแค่ต้องการยื้อเวลาและไม่คิดที่จะซื้อธุรกิจของเขาแค่ 3 แห่งเท่านั้น แต่หากเจอเรไมห์ถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อไร ธุรกิจทุกแห่งของเขาจะถูกขายทันที ส่งผลให้เจอเรไมห์ต้องการที่จะมวลสิทธิ์ทุกอย่างคืนมา โดยมีทางวิลลีเข้ามาดูแลคดีนี้นั้นเอง แน่นอนว่าวิลลีเลือกที่จะรับทำคดีครั้งนี้ เพราะเขาหวังว่าจะสามารถสร้างชื่อให้แก่ตัวของเขาในอนาคต เรื่องราวจะจบอย่างไรร่วมกันติดตามกันต่อในหนังเต็มได้เลย
เป็นภาพยนตร์ตลกร้ายที่ไม่ได้ใส่มุกตลกหรือเนื้อหาที่ตลอด เน้นเป็นเรื่องการสะท้อนความโหดร้ายของการทำธุรกิจและผลประโยชน์มากกว่า จนนำไปสู่ดราม่าหนัก ๆ ที่สามารถสะเทือนความรู้สึกของคนดูได้เลยละ จากความมั่นใจที่ตัวเอกมี การรับทำคดีในครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายแบบที่คิด หนังค่อนข้างมีจุดพลิกมาก ๆ เลย แถมยังหยิบยกเรื่องผิวสีมาถ่ายทอดได้อย่างดีเยี่ยมอีก รวม ๆ แล้ว เป็นหนังที่ให้ความสนุก ชิงไหวพริบ แถมตัวบทเองก็ไม่ได้ยืดเยื้อจนน่าเบื่อ บวกกับทีมนักแสดงคุณภาพเสริมเพิ่มมิติของตัวละครมากกว่าเดิม โดยรวมเราให้คะแนนหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 8/10
ความคิดเห็น