Maleficent 2 Mistress of Evil (2019) มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ
ภาพยนตร์แนวแฟนตาซี / ความรัก เรื่อง Maleficent 2 Mistress of Evil (2019) มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ กำกับการแสดงโดย ยูวาคิม เรินนิง นักแสดงนำ แอนเจลีนา โจลี, แอลล์ แฟนนิง, ชูวิเท็ล เอจีโอฟอร์, และ แซม ไรลีย์ เมื่อออโรร่าที่ต้องการจะแต่งงานกับเจ้าชายที่เธอรัก แต่งานแต่งครั้งนี้กลับไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะมันกลายเป็นจุดชนวนสงครามครั้งใหญ่
เรื่องราวเล่าต่อหลังจาก ออโรร่า และ มาเลฟิเซนต์ ผ่านปัญหามาได้ทั้งหมด ออโรร่าที่ถูกเจ้าชายขอแต่งงาน เธอจึงนำข่าวดีนี้ไปบอกแก่มาเลฟีเซนต์ให้ได้รับรู้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยยินดีและเห็นด้วยเท่าไรนัก ทางด้านของเจ้าชายเขาได้บอกจุดประสงค์ตัวเองให้กับบิดาและมารดาได้รับรู้ ทางด้านบิดาที่ยินดีกับสิ่งที่เจ้าชายตัดสินใจ ผิดกับมารดาที่เธอรู้สึกไม่พอใจที่จะได้ปรองดองกับอีกอาณาจักร ในเวลาต่อมาออโรร่าพยายามขอร้องให้มาเลฟิเซนต์เข้าร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัวเจ้าชายเพื่อสานสัมพันธ์และทำความรู้จักพวกเขามากยิ่งขึ้น ด้วยความรักและต้องการให้ออโรร่ามีความสุข มาเลฟิเซนต์จึงตอบตกลงแม้ว่าภายในใจจะไม่เต็มใจเท่าไร เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นสิ่งที่มาเลฟิเซนต์คิดก็เป็นจริง ทางด้านแม่ของเจ้าชายแสดงกิริยาอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบมาเลฟิเซนต์เท่าไร อีกทั้งยังยกอาหารพิเศษที่เป็นเนื้อสัตว์แบบไม่ปรุงมาให้มาเลฟิเซนต์ได้รับประทาน ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มโต้เถียงกันไปมาจนกระทั้งพระราชาได้ห้ามปรามทั้งสองเอาไว้ แต่ทางด้านราชินีกลับต่อปากต่อคำพร้อมทั้งทิ้งท้ายประโยคถึงเรื่องที่เธอจะดูแลออโรร่าให้เหมือนกับลูกสาวแท้ ๆ สิ่งนี้ทำให้มาเลฟิเซนต์ไม่พอใจพร้อมทั้งปลดปล่อยพลังออกมาจนทำให้ทหารองครักษ์วิ่งกรูเข้ามาทันที ในตอนนั้นเองพระราชาได้ล้มลงไปต่อหน้าต่อตาทุก ๆ คน ราชินีได้ร้องออกมาก่อนที่จะกล่าวหาว่าเรื่องนี้เป็นการกระทำของมาเลฟิเซนต์แน่นอน ออโรร่าที่เห็นดังนั้น เธอรู้สึกเสียใจพร้อมทั้งยังตัดสินใจหันหลังให้กับมาเลฟิเซนต์ ในตอนนั้นเองมาเลฟิเซนต์ที่เห็นเหตุการณ์ทุก ๆ อย่าง และรู้ว่าตนไม่ได้ทำอะไร เธอจึงได้แปลงกายก่อนที่จะบินออกจากปราสาททันที แต่เหมือนว่าทหารที่เฝ้าดูอยู่ได้ยิงกระสุนเหล็กเข้าโดนลำตัวของเธอจัง จนทำให้ร่างของมาเลฟิเซนต์ล่วงลงแม่น้ำ เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ใครกันที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด ติดตามกันต่อในภาพยนตร์เต็มกันได้เลย
Maleficent 2 Mistress of Evil (2019) เป็นภาคต่อที่ยังคงคอนเซปต์ต่าง ๆ รวมถึงดีเทลของหนังไว้ได้อย่างดีเลยก็ว่าได้ ด้วยตัวหนังที่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ตรงประเด็น การเล่าเรื่องที่น่าติดตาม ทิ้งปมไว้ช่วงต้น ๆ หรือจะเป็นทีมนักแสดงที่สามารถเล่นได้เข้าถึงบทบาท ทำให้ตัวหนังยิ่งสนุกและน่าติดตามมากขึ้นไปอีกนั่นเอง โดยส่วนตัวแล้วขอให้คะแนนหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 9/10
ความคิดเห็น