เสียง : Sound Track

7.4

หนังเรื่อง BlackBerry (2023) เป็นหนังฝรั่งแนวชีวประวัติ ตลก ดราม่า อำนวยการสร้างโดย เฟรเซอร์ แอช, นิฟ ฟิชแมน, และ แมทธิว มิลเลอร์ เขียนบทโดย แมทธิว จอห์นสัน, และ แมทธิว มิลเลอร์ กำกับภาพโดย จาเร็ด ราบ ตัดต่อภาพโดย เคอร์ติส ลอบบ์ กำกับการแสดงโดย แมทธิว จอห์นสัน มาพร้อมกับนักแสดงนำของเรื่องได้แก่ โจนาธาน อดัม ซอนเดอร์ส “เจย์” บารูเชล รับบทเป็น ไมค์ ลาซาริดิส (CEO บริษัท RIM), เกลนน์ โฮเวอร์ตัน รับบทเป็น จิม บัลซิลลี (นักธุรกิจ), และ แมทธิว จอห์นสัน รับบทเป็น ดัก เฟรจิน (เพื่อนสนิท ไมค์ ลาซาริดิสและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท RIM)

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในปี 1996 ณ เมืองเมืองวอเตอร์ลู ไมค์ ลาซาริดิส เขาเป็นประธานกรรมการของบริษัท Research in Motion (RIM) กับ ดัก เฟรจิน (ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท RIM) พวกเขาวางแผนและเตรียมเสนอขายอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ชื่อว่า PocketLink ให้กับจิม บัลซิลลี ครั้งนี้ไมค์ ลาซาริดิส รู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับเสียงของระบบอินเตอร์คอมที่จิม บัลซิลลี ผลิตในประเทศจีน ซึ่งทางทีมงานของจิมได้ซ่อมก่อนที่จะมาประชุมงานกับเขาในวันนี้ และเป็นไปตามคาดการเสนองานขายของพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นไม่นาน จิม บัลซิลลีก็ตกงานเพราะแสดงความทะเยอะทะยานที่หวังสูงเกินไป แถมมีพฤติกรรมก้าวร้าวด้วย หลังจากนั้นได้กลับเข้ามาที่บริษัท RIM เพื่อร่วมงานกับ ไมค์ ลาซาริดิส และดัก เฟรจิน แต่ว่าจิมได้ตั้งเงื่อนไขว่า ถ้าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการรวมถึงได้รับเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งจำนวนครึ่งหนึ่งของบริษัทถึงจะยอมร่วมงาน ขณะที่พวกเขากำลังลังเลอยู่นั้น จิมก็ได้ช่วยคลี่คลายความสงสัยว่า USRobotics คือสิ่งที่เป็นภัยร้ายแรง อาจจะทำให้พวกเขาล้มละลายได้ในภายหลัง และเวลาต่อมาพวกเขาได้รับจิมเข้ามาเป็นประธานกรรมการของบริษัทร่วมกัน และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการก่อตั้งบริษัท RIM ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนั้น ไมค์ ลาซาริดิส, ดัก เฟรจิน, และจิม บัลซิลลี จะบริหารบริษัทไปในทิศทางไหน และพวกเขาจะผลิตสมาร์ทโฟนรุ่น “BlackBerry” ได้สำเร็จหรือไม่ เชิญทุกคนมาร่วมลุ้นเพื่อติดตามไปพร้อมกันได้ที่นี่เลย

หลังจากที่ได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ ขอสรุปว่าเป็นหนังชีวประวัติ ตลก ดราม่าที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับบริษัท Research in Motion (RIM) หลังก่อตั้งขึ้นมา และดึงจิม บัลซิลลีเข้ามาทำงานทำให้ทุกอย่างดูวุ่นวาย ท่ามกลางการปรากฏตัวของ Steve Jobs ได้ประกาศเปิดตัวขาย iPhone ครั้งแรก และขณะที่พวกเขากำลังซ่อมโทรศัพท์อยู่นั้น ได้มีพายุอุกกาบาตจากประเทศจีนเข้ามาจึงทำให้มีแมลงเต็มไปหมด จนทำให้โทรศัพท์ใช้งานไม่ได้สักเครื่อง เพราะแมลงพวกนั้นมีพลังงานบางอย่างที่คอยดึงดูด และรบกวนคลื่นสัญญาณโทรศัพท์จึงเป็นเหตุผลว่า BlackBerry สมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกเดินทางมาสู่จุดต่ำสุดจนล่มสลายหายไปกับกาลเวลา สำหรับพล็อตเรื่องถือว่าดีมาก จุดเด่นของหนังมีหลายอย่างคือ การเล่าเรื่องทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ซึ่งจะค่อย ๆ เล่าถึงต้นแบบการผลิตจากเครื่องคิดเลขขนาดเล็ก ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าติดตาม ซึ่งได้รับฉายาว่า CrackBerry นอกจากนี้ยังมีเรื่องของส่วนแบ่งทางการตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศสหรัฐอเมริกา สู่การลืมเลือนในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีอีกด้วย นอกจากนี้คาแร็กเตอร์ของตัวละครหลักก็แสดงออกมาได้ดี และผลักดันให้หนังสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ การปะทะกันของบุคลิกภาพนั้นถูกขุดขึ้นมาอย่างทั่วถึง คนแรก ไมค์ ลาซาริดิส เขามีวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญมาก คนที่สอง ดัก เฟรจิน เขาเป็นลูกแปลกคนพาหิรวัฒน์ คนสุดท้าย จิม บัลซิลลี เขาเป็นชายอัลฟาผู้ขับเคลื่อนและก้าวร้าวเกินเหตุ โดยเฉพาะการเล่นที่บาดเจ็บอย่างหนักเปรียบเหมือนการชนหัวที่รอให้เกิดขึ้น ซึ่งความไม่ลงรอยกันระหว่างพวกเขาเริ่มมีประสิทธิผล จนท้ายที่สุดแล้วมันเป็นกลไกที่ขับเคลื่อน BlackBerry ไปสู่ความสำเร็จในที่สุด แต่การปะทะกันระหว่างบุคลิกภาพยังคงรบกวนจิตใจรวมถึงทำให้บริษัทอ่อนแอลง ในช่วงเวลาสำคัญนั่นคือ การเปิดตัว iPhone ของ Apple ขณะที่บรรยากาศดูสมจริงมาก จุดนี้ทำให้คนดูได้ย้อนเวลาคิดถึงยุคแรกของโทรศัพท์มือถือ ที่เปิดตัวจนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายแต่ จู่ ๆ กลับยุติการผลิตตั้งแต่นั้นมา อย่างไรก็ตามโทนสีจะเป็นโทนคลาสสิก ดูเข้ากับบรรยากาศของหนังมาก ส่วนจุดด้อยของหนังคือ มีดราม่าด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคหรือ “buy-opic” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จุดนี้คนที่ไม่มีหัวทางธุรกิจอาจจะดูแล้วรู้สึกไม่ค่อยสนุกเท่าไร และงานภาพไม่ค่อยสวยทำให้ลดความน่าสนใจของหนังลงไปมาก สุดท้ายนี้เทคนิคงานสร้างด้านแสงไม่ค่อยสว่าง โทนสีคลากสิก ฉากดูมืดมนเล็กน้อย โดยรวมของหนังถือว่าอยู่ในระดับพอใช้
คะแนนภาพรวมอยู่ที่ 8 เต็ม 10 คะแนน