เสียง : Sound Track

4.7

หนังเรื่อง Blade of the 47 Ronin (2022) เป็นหนังญี่ปุ่นแนวแอ็กชัน ดราม่า แฟนตาซี อำนวยการสร้างโดย ทิม คว็อก เขียนบทโดย จอห์น สเวตนัม, เอมี แซนดิเมส การ์เซีย โลเปซ เดอ ออร์โดเนซ, มาร์ค อลัน ดาคาสคอส กำกับการแสดงโดย โรนัลด์ หยวน มาพร้อมกับนักแสดงนำมากมาย ได้แก่ แอนนา อากานา รับบทเป็น ลูนา, ลูนา ฟุจิโมะโตะ รับบทเป็น ไม, มาร์ค อลัน ดาคาสคอส รับบทเป็น ชินชิโระ, เทเรซา ถิง รับบทเป็น โอนามิ, ไมเคิล แดเนียล “ไมค์” โมห์ รับบทเป็น ลีโอ, ดัสติน เหงียน รับบทเป็น นิกโกะ, คริสโตเฟอร์ แปง รับบทเป็น อาราอิ, แดเนียล เซาท์เวิร์ธ รับบทเป็น ยูเรอิ, นิโนะ ฟุรูฮาตะ รับบทเป็น แดช, ชิคาโกะ ฟุกุยามะ รับบทเป็น อะยะ, โยชิ ซุดะโซะ รับบทเป็น ซุน, อินิโกะ ฟูโลฟ รับบทเป็น ฮานะ, อะคิระ โกะอิยามะ รับบทเป็น อิเคดะ, ได ทาบุชิ รับบทเป็น ฮิระโนะ, เจน เซโตะ รับบทเป็น เมะดะ และ ไมเคิล ดะระโมระ รับบทเป็น โอโกะโร

เนื้อเรื่องจะเป็นเรื่องราวของ ยูเรอิ ซึ่งเขานั้นเป็นคนที่สืบทอดซามูไรของประเทศญี่ปุ่นรุ่นต่อไป และเขามีความชั่วร้ายอยู่ในตัวเอง โดยจุดมุ่งหมายเดียวของเขาคือต้องการล้างแค้นบรรพบุรุษ แล้วก็ทำลายทุกสิ่งที่เป็นมรดกของตระกูลให้หมดสิ้น เขาเลยไปนำดาบซามูไรที่แตกหักทั้ง 2 ซีกมารวมกันเพื่อเป็นดาบเล่มใหม่ แต่ระหว่างนั้น ลูนา ผู้ที่มีจิตใจมุ่งมั่น และฝึกฝนวิชาที่เธอได้รับมรดกจากบรรพบุรุษมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อคอยขัดขวางภารกิจในการรวมดาบครั้งนี้ของยูเรอิ ทำให้เขาต้องงัดทั้งเวทมนตร์ และก็พลังวิเศษลึกลับต่าง ๆ มาต่อสู้กับ ลูนา อย่างไม่มีใครยอมใครบนถนนในเมืองบูดาเปสต์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ ยูเรอิ จะสามารถเอาชนะ ลูนา เพื่อล้างแค้นมรดกของตระกูลได้หรือไม่ เชิญทุกคนมาลุ้นต่อที่นี่ได้เลย

หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ขอสรุปว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวแอ็กชัน ดราม่า แฟนตาซี โดยภายในหนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการขึ้นมาสืบทอดมรดกของตระกูลซามูไร และการฝึกวิชาเพื่อสู้รบกันอีกด้วย สำหรับด้านพล็อตเรื่องถือว่าพอใช้ได้ นอกจากนี้จุดเด่นของหนังเรื่องนี้มีหลายข้อ ข้อแรกคือด้านฉากแอ็กชันทำออกมาได้ดี แถมยังใช้เทคนิคมากมายในการต่อสู้เข้ามาช่วยถ่ายทำ จึงทำให้คนดูได้เห็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นไปด้วย ต่อมาด้านดนตรีประกอบหนังก็ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบมาก ข้อสุดท้ายคือตัวละครทุกคนแสดงได้สมบทบาทมาก เพราะพวกเขาทุ่มเทกับการถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดนี้ จึงทำทุกอย่างออกมาดี แต่จุดด้อยของหนังก็มีหลายจุดคือเสื้อผ้าที่ตัวละครใส่ดูไม่แมทช์ และไม่เข้ากับความเป็นญี่ปุ่นเลย จากที่ดูมาเหมือนกับนำสไตล์เสื้อผ้าของประเทศจีน, เกาหลี และญี่ปุ่นมาผสมผสานกันซะมากกว่า มีเพียงแค่สีของเสื้อผ้าเท่านั้นที่มีสีสันสดใส ถ้าปรับปรุงเรื่องนี้ได้หนังจะดูมีความเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมาก นอกจากนี้เทคนิคทางด้านของแสง สี องค์ประกอบโดยรวมของหนังถือว่าดีในระดับหนึ่ง ส่วนคะแนนภาพรวมทั้งหมดของหนังเรื่องนี้เราให้อยู่ที่ 7 เต็ม 10 คะแนน