เสียง : ไทย

6.6

หนังเรื่อง Indiana Jones and the Dial of Destiny (2023) อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตา เป็นหนังฝรั่งแนวแอ็กชัน ผจญภัย อำนวยการสร้างโดย แคทลีน เคนเนดี และ แฟรงก์ วิลตัน มาร์แชลล์ เขียนบทโดย เจเรมี “เจซ” บัตเตอร์เวิร์ธ และ จอห์น-เฮนรี บัตเตอร์เวิร์ธ กำกับภาพโดย ฟีดอน ปาปาไมเคิล ตัดต่อภาพโดย ไมเคิล “ไมค์”แมคคัสเกอร์ และ แอนดรูว์ บัคแลนด์ กำกับการแสดงโดย เจมส์ อัลเลน แมนโกลด์ มาพร้อมกับนักแสดงนำมากมาย ได้แก่ แฮร์ริสัน ฟอร์ด รับบทเป็น ดร.เฮนรี “อินเดียน่า” โจนส์ (นักโบราณคดีชื่อดังวัยเกษียณ), ฟีบี แมรี วอลเลอร์-บริดจ์ รับบทเป็น เฮเลนา ชอว์ (ลูกสาวเพื่อนสนิท ดร.เฮนรี “อินเดียน่า” โจนส์), โฆเซ อันโตนิโอ โดมิงเกซ บันเดรา รับบทเป็น เรนัลโด (อดีตเพื่อน ดร.เฮนรี “อินเดียน่า” โจนส์), แมดส์ ดิสแมนน์ มิกเกลสัน รับบทเป็น เจอร์เกน วอลเลอร์ (นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์), และ จอห์น รีส-เดวีส์ รับบทเป็น ซัลลาห์ (อดีตเพื่อน ดร.เฮนรี “อินเดียน่า” โจนส์)

เนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวของ ดร.เฮนรี “อินเดียน่า” โจนส์ เขาเป็นนักโบราณคดีที่อยู่ในวัยเกษียณ และต่อมาเขามีความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนโบราณแต่ต้องมาอยู่ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกคนมากขึ้น จึงทำให้เขาพยายามเรียนรู้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับคนในยุคใหม่ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของเขาไม่สงบสุขอีกเลย เพราะเขาได้พบกับ เฮเลนา ชอว์ หรือลูกสาวเพื่อนสนิทเขาโดยบังเอิญ หลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็ต้องช่วยเหลือเธอทุกอย่างแล้วเดินทางไปทั่วโลกเพื่อล่าขุมทรัพย์แข่งกับกลุ่มนาซีร้ายกาจให้สำเร็จ สำหรับใครที่อยากรู้ว่า ดร.เฮนรี “อินเดียน่า” โจนส์ กับ เฮเลนา ชอว์ จะทำภารกิจล่าขุมทรัพย์ในครั้งนี้ได้สำเร็จหรือไม่ สามารถเข้ามารับชมต่อที่นี่ได้เลย

หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จนจบแล้ว ขอสรุปว่าเป็นแอ็กชัน ผจญภัยที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้น่าสนใจมาก เนื่องจากมีหลายภาคด้วยกัน และในส่วนของภาคนี้นั้นมีการนำเสนอของนักโบราณคดีที่เกษียณอายุวัย 80 ปีที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโบราณ แต่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนบนโลกมากขึ้น เขาจึงอยากเรียนรู้ และทำตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็มีลูกสาวของเพื่อนสนิทมาป่วนชีวิตเขา ทำให้เขาต้องมาพัวพัน และช่วยเหลือเธอด้วยการเดินทางไปกับเธอ เพื่อตามล่าขุมทรัพย์ ซึ่งครั้งนี้ต้องแข่งกับนาซีด้วย เราเชื่อว่าคนที่เป็นคอหนังสไตล์นี้น่าจะชื่นชอบเป็นอย่างมากเลยทีเดียว นอกจากนี้พล็อตเรื่องถือว่าพอใช้ได้ จุดเด่นของหนังอยู่ตรงที่ฉากแอ็กชันมีการต่อสู้ที่ชวนให้คนดูลุ้นระทึกไปกับตัวละครด้วย รวมทั้งการแสดงของ แฮร์ริสัน ฟอร์ด โดดเด่นมาก ส่วนจุดด้อยก็มีเช่นกันคือ ในฉากแอ็กชันจะใช้โทนสีภาพมืดมน ซึ่งเหตุผลนี้ทำให้คอหนังดูหนังไม่ค่อยรู้เรื่อง ในขณะที่การดำเนินเรื่องยังคงซับซ้อนทั้งเรื่อง และมุกตลกที่ปล่อยออกมาไม่ช่วยให้คอหนังรู้สึกตลกเลยสักนิด นอกจากนี้ด้านการแสดงตัวละครทุกคนทำออกมาได้พอใช้ จริง ๆ ควรเล่นดีกว่านี้ อีกทั้งหนังยังทิ้งปมปริศนาให้คอหนังงงหนักกว่าเดิมเพราะไม่มีการเฉลยในตอนจบ ท้ายที่สุดนี้ในเรื่องเทคนิคต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยแสง สีค่อนข้างมืด ฉาก บรรยากาศ และองค์ประกอบอื่น ๆ โดยรวมของหนังพอใช้ ดังนั้นคะแนนภาพรวมทั้งหมดของหนังเราให้อยู่ที่ 7 เต็ม 10 คะแนน