เสียง : ไทย

6.5

Never Back Down (2008) กระชากใจสู้แล้วคว้าใจเธอ ภาพยนตร์แอ็กชัน / กีฬา ฉายครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2008 หนังบอกเล่าเรื่องราวของวัยรุ่นที่หงุดหงิด และขัดแย้งที่มาถึงโรงเรียนมัธยมแห่งใหม่ แถมยังได้ค้นพบชมรมต่อสู้ใต้ดินที่นั่น ฝีมือการกำกับของ Jeff Wadlow นักแสดงนำ Sean Faris, Cam Gigandet, Amber Heard, และ Djimon Hounson
หนังเล่าถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มจิตใจดีที่ชื่อ เจค ไทเลอร์ ที่ผ่านชีวิตทรหดแสนยากลำบากมามาก แล้วเขาก็ได้เรียนรู้ว่าชีวิตของมนุษย์ทุกคนล้วนต่างก็ต้องดิ้นรนต่อสู้ด้วยกันทั้งนั้น หนุ่มเจคเกิดและโตที่ไฮโอว่า เมื่อได้ย้ายมาอยู่ที่ออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ที่มีตึกหรูตั้งเรียงรายเต็มไปหมด เขาจึงได้รู้สึกแปลกใจที่กิจกรรมประจำวันของวัยรุ่นบ้านรวยแถวนี้ไม่มีอะไร นอกจากการซึ่งรถหรูไปมา เดินเฉิดฉาย และก่อความวุ่ยวายไปวัน ๆ สำหรับพวกเขาชีวิตคือปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เจคเคยเป็นนักกีฬาฟุตบอลดาวรุ่งตอนอยู่ไฮโอว่า แต่ที่นี่เขาเป็นแค่คนนอก ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แถมยังแต่งตัวบ้านนอกไม่ไฮโซเหมือนคนอื่น เขาจึงไม่ค่อยมีเพื่อน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้มาพบกับบาจาในชั้นเรียน เธอได้ชวนเจคไปงานปาร์ตี้ แต่เจคกลับถูกตัวร้ายประจำโรงเรียนอย่าง ไรอัน แม็คคารืทนีย์ ท้าสู้โดยไม่ทันตั้งตัว เจคแพ้ไม่เป็นท่าและได้รู้สึกอับอาย จนเขาได้ไม่ไว้ใจใครอีก โดยเฉพาะบาจาที่เคยชวนเขาไปงานปาร์ตี้ แต่เพื่อนร่วมชั้นนิสัยดีได้มองเห็นถึงความเป็นแชมในตัวเจค จึงได้แนะนำให้เจครู้จักกับกีฬาประเภทหนึ่ง ที่รู้จักกันในนามศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ไม่นานเจคก็ได้รู้ว่า การต่อสู้แบบผสมผสานไม่ใช่แค่การชกต่อยกันข้างถนนแต่เป็นศิลปะการต่อสู้ที่เขาต้องการเป็นหนึ่ง เจคจะมีความอดทน มีวินัย และมีแรงผลักดันพอที่จะฝึกสำเร็จหรือไม่ สำหรับเจคมีหลายอย่างที่สำคัญกว่าชัยชนะ เจคจะทำได้หรือไม่ตามลุ้นไปกับเขาได้ที่นี่
หนังสูตรสำเร็จของวัยรุ่น “ไฮสคูล” ทั่วไปจุดเด่นของหนังคือคิวบู้ และเพลงมวยในหนัง นอกจากนี้หนังยังได้ให้แง่คิดที่หนังทั่วไปไม่ค่อยได้ถ่ายทอด คือการค้นหาความหมายของชีวิต และการตัดสินใจโดยที่ไม่ใช่การที่เราใช้แต่กำลัง เราจะได้เเง่คิดดี ๆ จากหนังเรื่องนี้เยอะมากเลยทีเดียว นักแสดงสามารถแสดงได้ดีมากดูแล้วมีอารมณ์ร่วมไปกับนักแสดงได้ดี ฉากประกอบแต่ละฉากก็ทำมาได้อย่างเหมาะสม ถ้าใครชอบหนังวัยรุ่นที่ให้แง่คิดดี ๆ ห้ามพลาดเลยทีเดียวสามารถเอาไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้ด้วย ซึ่งคะแนนของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 8.5/10