เสียง : ไทย

6.3

The Gangster (2012) อันธพาล ผลงานภาพยนตร์ แนวแอ๊คชั่น เรื่องนี้ได้ผู้กำกับ และผู้เขียนบทมือทอง อย่าง โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ หนึ่งในเจ้าพ่อหนังแอ็คชัน ที่รันวงการหนังหลากหลายสไตล์ในยุคปัจจุบัน แต่เขาต้องการที่จะมาสานต่อ จากภาพยนตร์เรื่อง “2499 อันธพาลครองเมือง” โดยการสร้างภาคต่อ ที่มาพร้อมกับทีมนักแสดงแถวหน้าของวงการ อย่าง น้อย วงพรู รับบทเป็น (จ๊อด) ชายหนุ่มที่มีบุคลิกน่าเกรงขาม แต่เป็นคนจิตใจดี รักเพื่อน รักครอบครัว เขาเป็นอันธพาลที่ไม่คิดจะรังแกคนที่อ่อนแอกว่า, เต๋า สมชาย รับบทเป็น (แดง) ชายหนุ่มสุภาพบุรุษที่ผันตัวมาเป็นนักเลง, บิ๊ก กฤษฎา รับบทเป็น (เปี๊ยก) เด็กหนุ่มซื่อ ๆ ที่เติบโตในโรงหนังและชื่นชอบระบายสีโปสเตอร์ และ ภคชนก์ โวอ่อนศรี มารับบทเป็น (โอวตี่) ชายหนุ่มที่ต้องฝ่าฟันชีวิต ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน ซึ่งหลังจากการสร้างภาพยนตร์เสร็จสิ้น เมื่อภาพยนต์เรื่องอันธพาลได้เข้าฉายก็ได้รับคำวิจารณ์ออกมาค่อนข้างดี และหนังได้ยังติดโพลเข้าชิงรางวัลต่าง ๆ อีกด้วย

เรื่องราวเริ่มต้นที่ในช่วงยุคที่อันธพาลโด่งดังไปทั่วราชอาณาจักร แก๊งอันธพาลต่างถูกยกย่องนับน่าถือตาว่าเป็นเหล่าฮีโร่ในยุคนั้น ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อ จอมพลสฤษดิ์ ได้นำประกาศออกกฎหมายกวาดล้าง และปราบปรามอันธพาล ทำให้ชีวิตของเหล่าอันธพาลที่จะฮีโร่กลับกลายเป็นผู้ร้ายต้องหลบหนี บางคนก็ถูกยิงตายขณะวิ่งอยู่กลางถนน แทบจะไม่เหลือเกียรติใด ๆ ทั้งสิ้นแดงกับจ๊อดที่เป็นอันธพาลดาวดังก็ยังถูกจับติดคุกนานถึง 4 ปี ทำให้กลายเป็นเรื่องที่ถูกเล่าขานกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นในช่วงยุค Rock and Roll ก้าวเข้าสู่ยุคฮิปปี้ ในสยามประเทศ อันธพาลยึดครองพระนคร จ๊อดและแดงได้กลับมาอีกครั้งในเส้นทางการเป็นนักเลงของเขาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เขาได้กลับมาร่วมงานกับแก๊งเจ้าพ่อใหญ่ โดยทั้งคู่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้คุมบาร์ และคอยตามทวงหนี้ เขาได้รู้จักกับอันธพาลรุ่นน้อง ที่ชื่อธงและเปี๊ยกซึ่งทั้งสองคนนั้นยกให้เขาทั้งคู่เป็นฮีโร่รุ่นพี่หนึ่งในดวงใจ และยังฝันไว้อีกว่าสักวันหนึ่งเขาจะเดินตามเส้นทางการเป็นอันธพาล ที่มีชื่อเสียงให้เหมือนกับแดงและจ๊อดให้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อจ๊อดเริ่มเข้าถึงการเป็นนักเลงอันธพาลอย่างเต็มรูปแบบ พอเข้าใจแล้วว่าการใช้กำลังไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ผู้คนกลับมานับถือ ทัศนคติได้มุมมองการใช้ชีวิตของทั้งสองกลายเป็นกระจกที่สะท้อน ซึ่งกันและกัน เขาได้เติบโตและกลับไปมองชีวิตที่ผ่านมาที่พบเจอกับความขัดแย้ง เรื่องราวของพวกเขาจะดำเนินต่อไปอย่างไร เมื่อเขาเลือกก้าวเข้าสู่เส้นทางที่เรียกว่า “อันธพาล” อย่างแท้จริง

ซึ่งหลังจากที่เราได้ดูภาพยนตร์เรื่องอันธพาลจบแล้ว คะแนนที่ให้ 7.5/10 คะแนน โดยภายในเรื่องยังเห็นความโหดเถื่อนเลือดสาดที่เป็นลายเซ็นของผู้กำกับอย่างก้องเกียรติ มีให้เห็นอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ในด้านของฉากต่อสู้ต้องยกนิ้วให้กับการใช้มีด และการชกต่อยกันสุดเร้าใจ รวมไปถึงฉากดวนปืน ซึ่งขอชื่นชม น้อย วงพรู ที่แสดงออกมาดีมากแทบจะทั้งเรื่อง ด้วยท่าทางการแสดงที่ดูทะมัดทะแมง และอีกหนึ่งตัวละครที่น่าจดจำ อีกหนึ่งคนคือ แฟรงค์ ภคชนก์ โวอ่อนศรี ที่รับบทเป็น โอวตี่ เขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่เล่นออกมาได้ดีมาก ๆ ทำให้ตัวละครโดดเด่น และเป็นที่จดจำในเรื่อง อีกหนึ่งเรื่องที่ขอชื่นชมเลยคือ การหยิบยกคาแรคเตอร์ของตัวละครต่าง ๆ ด้วยการทำทรงผมแบบเอลวิสที่ดูเท่ และเข้ากับยุคสมัย สอดแทรกเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับยุค จุดเด่นของเรื่องน่าจะเป็น Production และสถานที่ถ่ายทำ พร้อมทั้งเครื่องแต่งกายของเรานักแสดง จัดไปว่าเป็นหนังไทยที่ดูได้แบบเพลิน ๆ และอีกอย่างคือ ตัวหนังพยายามเสนอข้อคิดดี ๆ ของชีวิตอันธพาล รวมถึงข้อเสีย เป็นการตีแผ่วงการอาชญากรรมในอดีต การเป็นอันธพาล หรือเป็นฆาตกรที่จะต้องหนีหัวซุกหัวซุน พร้อมทั้งนำเสนอเรื่องราวของมิตรภาพในหมู่อันธพาล หยิบยกนิสัยในด้านดี ๆ ให้เราได้อินไปกับตัวละครมากขึ้น สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวนี้ ก็ห้ามพลาด
คะแนนภาพรวม : 7.5/10 คะแนน