เสียง : Sound Track

6.1

ภาพยนตร์โรแมนติก / แฟนตาซี / ดราม่า เรื่อง The Greatest Hits (2024) กำกับการแสดงโดย เน็ด เบนสัน นำแสดงโดย ลูซี่ บอยน์ตัน, จัสติน เอช. มิน, เดวิด คอเรนสเว็ต จะเป็นอย่างไรเมื่อหญิงสาวคนนึง ค้นพบว่าตัวเองนั้นสามารถทำให้เธอได้ย้อนเวลากลับไปในห่วงความรักของเธอและคนรักเก่าได้ แต่การเดินทางครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด

เรื่องราวเริ่มต้นที่คู่รักที่ดูจะมีความสุข ทั้งคู่มีสิ่งที่ชอบและใช้เวลาร่วมกันในทุก ๆ สถานที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทั้งสองดูจะเข้ากันได้ดีคือ ดนตรี ภาพตัดมาที่ แฮร์เรียต เธอลืมตาขึ้นพร้อมกับมองไปยังชาร์จบอร์ดที่มีชื่อเพลงและระยะเวลาการออกเพลงอยู่บนนั้น ก่อนที่เธอจะเดินไปเปิดเพลงพร้อมกับนั่งอยู่บนโซฟา แฮร์เรียตหลับตาลงโดยบรรยากาศโดยรอบกำลังหมุนราวกับภาพกำลังย้อนกลับ แฮร์เรียตลืมตาขึ้นมาจากนั้นเธอมองไปยังชายหนุ่มข้าง ๆ ที่กำลังขับรถ เขาหันมาสบตากับเธอเล็กน้อยพร้อมกับส่งยิ่งให้ แฮร์เรียตพยายามขอให้แฟนหนุ่มของเธอหยุดรถหรือเปลี่ยนเส้นทางด้วยท่าทีกังวล แต่เหมือนว่าเขากำลังคิดว่าเธอแค่ล้อเล่น แฮร์เรียตตัดสินใจพยายามจับพวงมาลัยให้รถจอด แฟนหนุ่มของเธอพยายามขอร้องให้เธอหยุด ก่อนตั้งคำถามถึงพฤติกรรมแปลกประหลาดนี้ แต่ในตอนนั้นเองก็มีรถพึ่งเข้ามาจากทางคนขับก่อนที่ภาพจะตัดลง ภาพย้อนกลับมายั่งจุดเริ่มต้น แฮร์เรียต ตื่นขึ้นมาแบบทุก ๆ วัน เธอเดินไปหยิบหูฟังและกุญแจ ก่อนที่เธอจะเดินทางไปยังห้องสมุดเพื่อทำงาน เธอใช้ชีวิตแบบเช่นทุก ๆ วัน หลังเลิกงาน แฮร์เรียต มายังกลุ่มบำบัดซึ่งในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เดินเข้ามาหาเธอ หล่อนพูดชักชวนให้แฮร์เรียตได้ลองระบายเรื่องราวที่เธอหนักใจดู เพราะเหมือนว่า 2 ปีมานี้ เธอเพียงแค่เข้าร่วมกลุ่มแต่ไม่เคยจะปลิปากใด ๆ เลย ขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน แฮร์เรียต ได้เหม่อลอยจนชนเข้ากับรถคันหน้า แต่เมื่อเธอเปิดประตูออกมาเธอกลับได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำให้เธอฟุบลงกับพื้น ภาพตัดมายังงานปาร์ตี้แฮร์เรียตกำลังยืนอยู่กับแฟนหนุ่มตัวเอง เธอรีบเดินไปยังลำโพงพร้อมกับดึงปลั๊กออก เมื่อแฮร์เรียตลืมตาขึ้น เธอพบว่าตัวเองฟุบลงกับพื้นในขณะที่คู่กรณีพยายามจะช่วยเหลือเธอ แฮร์เรียตรีบหยิบหูฟังขึ้นมาใส่ก่อนที่จะรีบจบบทสนทนาและออกเดินทางมาหาเพื่อนสนิทของตัวเอง แฮร์เรียตได้เริ่มบอกถึงอาการกำเริบของตัวเองให้แก่เพื่อนสนิทฟัง ซึ่งอาการนี้เกิดขึ้นหลังจากการจากของแฟนหนุ่มโดยอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่เหมือนแล้วแฮร์เรียตก็ได้รู้ว่า อาการที่เธอกำลังเผชิญมันไม่ใช่แค่อาการทั่ว ๆ ไปเสียแล้ว เพราะมันสามารถส่งผลต่ออนาคตของเธอได้ด้วย เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร แฮร์เรียต จะสามารถเปลี่ยนอดีตของเธอได้หรือไม่ ติดตามกันต่อในหนังเต็มกันได้เลย
ความรู้สึกหลังจากดูจบ รู้สึกว่าตัวหนังยังไม่สร้างความประทับใจหรือมีฉากที่ให้อยากติดตามมากเท่าไรหนัก ส่วนใหญ่หนังจะเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวละครเอกเสียมากกว่า การตัดสินใจบางอย่างของตัวละครก็ดูยังไม่สมเหตุสมผลมากเท่าไรด้วย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีจุดเด่นหรือจุดขายนั้นก็คือ เพลงประกอบภาพยนตร์ที่สร้างออกมาได้อย่างลงตัว บอกเล่าเรื่องราวของฉากนั้น ๆ ได้อย่างดี แต่เสียดายที่อาจยังไม่สร้างอิมเพคจนอยากดูขนาดนั้น ภาพรวมเราขอให้คะแนนหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 5/10