เสียง : Sound Track

5.3

The Mill (2023) ภาพยนตร์ระทึกขวัญแนววิทยาศาสตร์อเมริกัน ที่ออกฉายปี 2023 กำกับโดย ฌอน คิง โอเกรดี้ เขียนบทโดย เจฟฟรีย์ เดวิด โธมัส นำแสดงโดย ลิล เรล ฮาเวอรี รับบทเป็น โจ, แพท ฮีลี รับบทเป็น การ์ด, คาเรน โอบิลม รับบทเป็น เคท, และแพทริค ฟิชเลอร์ รับบทเป็นเพื่อนบ้าน

เรื่องราวของ โจ พนักงานของบริษัทมัลลาร์ด คอร์ปอเรชั่น ที่ตื่นขึ้นมาในห้องแปลก ๆ โดยจำไม่ได้ว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร เขาถูกขังก่อนที่จะพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ และก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว เสียงของผู้ต้องขังอีกคนอธิบายสถานการณ์บางอย่างจากการถูกจับขังในครั้งนี้ โจอธิบายว่านี่คือ คุกกล่อมประสาทอีกสักพักจะรู้สึกเริ่มหลอน มันคือนรกดี ๆ นี่เอง โจไม่เชื่อสิ่งที่เขากำลังพูด หลังจากนั้นเขาก็ขอตัวไปทำงานต่อ โจพยายามเรียกเขาให้กลับมาคุยต่อ ด้วยความพยายามที่จะหลบหนี หรือขอความช่วยเหลือ เขาทำทุกวิถีทางจนข้อมือหักแต่ก็ไม่ได้ผลอะไร ในคืนนั้นมีการจัดส่งอาหารมายังห้องของเขา ในระหว่างนั้นก็มีเสียงออดดังขึ้นคู่กับเสียงพูดทักทายว่า “เข้าสู่การฝึกอาชีพชั้นสูง” โจพยายามสอบถามเกี่ยวกับสถานที่นี้ แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบ หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงจากห้องข้าง ๆ ที่บอกกับเขาว่า เวลางานจะถูกนับถอยหลังถึงเที่ยงคืน จากนั้นก็มีเสียงผู้คนมากมายที่อยู่รอบ ๆ เขา เสียงของคนข้างห้องดังขึ้น พร้อมอธิบายว่า ทุกคนที่ได้มาอยู่ที่นี้ต่างทำบางอย่างให้บริษัทไม่พอใจ โจรู้สึกช็อกไปเลย เพราะเขาได้รู้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าเกิดจากบริษัทที่เขาทำงานอยู่นั้นเอง หลังจากนั้นโจก็ได้ยินเสียงกรีดร้องตลอดทั้งคืน เรื่องราวการเอาตัวรอดของโจนี้จะเป็นอย่างไร เบื้องหลังการกระทำเหล่านี้คืออะไรกันแน่ ต้องไปติดตามกัน

หลังจากรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบคะแนนที่ให้คือ 7/10 คะแนน หนังเรื่องนี้เป็นแนวสยองขวัญที่ดึงให้เราดิ่งไปตามตัวละคร ภาพ สี ต่าง ๆ ภายในเรื่องชวนอึดอัดมาก ๆ การดำเนินเรื่องผ่านตัวละครเอกแค่คนเดียว ที่อยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยม มีงานที่วางอยู่ตรงหน้า การรู้เรื่องราวต่าง ๆ ก็ผ่านเพียงแค่การสื่อสารกับคนอีกฝั่ง ซึ่งเราก็ไม่รู้เลยว่าด้านนอกนั้นมีอะไรบ้าง ทำให้เราได้แต่จินตนาการไปพร้อม ๆ กับตัวละคร ได้เห็นจุดเริ่มต้นของเขา ตั้งแต่มาถึง จะเห็นถึงการพัฒนาของตัวละครที่เริ่มมีหวัง สิ้นหวัง หดหู่ และยอมแพ้ ความรู้สึกต่าง ๆ ของเขานำพาเรื่องราวทั้งหมดให้ดำเนินต่อไป จนเรื่องก็ค่อย ๆ เปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงนั้น ปิดท้ายเรื่องด้วยการหักมุมที่ทำให้เราอึ้งไปเลยทีเดียว ซึ่งพล็อตเรื่องแบบนี้แทบไม่ค่อยเห็น ตัวละครหลักถูกสร้างสรรค์มาอย่างดี ตัวเอกของเราอย่าง โจ ก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก ๆ ในบทบาทของเขาที่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกัน การวางจังหวะโครงเรื่อง รวมไปถึงเบาะแสต่าง ๆ รายละเอียดของเรื่องได้ดีมาก ๆ เป็นหนังที่นอกจากจะชวนสยองแล้วยังซ่อมปมปริศนาให้เขาได้สงสัยไปพร้อมกับตัวละคร ใครที่ชอบหนังแนวนี้ต้องห้ามพลาดเลยทีเดียว