เสียง : ไทย

6.2

The Outsider (2018) ดิ เอาท์ไซเดอร์ ภาพยนตร์แนวอาชญากรรมและดราม่า กำกับการแสดงโดย ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา นักแสดงหลักภายในเรื่อง เจเรด เลโต้ (Jared Leto) รับบทเป็น นิค โลแวน, ทาดาโนบุ อาซาโน (Tadanobu Asano) รับบทเป็น คาอิ, คิโปเป (Kippei Shiina) – รับบทเป็น โอโรจิ, ชิโอริ คุตสึนะ (Shiori Kutsuna) รับบทเป็น มิยู, เอมิล ฮิร์ช (Emile Hirsch) รับบทเป็น พอลี

ณ เรือนจำแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้จบลงเป็นเวลา 3 ปีมาแล้ว นิค ทหารหนุ่มอเมริกันเขาได้ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ ก่อนตัดสินใจที่จะอยู่ญี่ปุ่นต่อไป พร้อมกับเข้าร่วมกับแก๊งกลุ่มยากูซ่า ทำให้เขาได้พบกับ คาอิ หนึ่งในสมาชิกแก๊งที่เป็นคนช่วยเหลือให้เขาสามารถออกจากเรือนจำมาได้ เขาได้รับภารกิจแรกโดยการเข้าไปเจรจาธุรกิจกับชาวต่างชาติคนนึงที่ทำธุรกิจในเมือง โอซาก้า นิคได้เดินทางมาเจรจากับเจ้าของโรงงานค้าเหล็กที่ทำสัญญากับทางสหรัฐในการซื้อขายเหล็ก และอาวุธสงครามจากประเทศญี่ปุ่น โดยด้านแก๊งญี่ปุ่นต้องการซื้ออาวุธพวกนี้กลับมา แต่ทางด้านของเจ้าของกลับไม่ยอมเพราะเขาตัดสินใจทำสัญญากับทางสหรัฐไปแล้ว เมื่อการเจรจาไม่สำเร็จนิคจึงตัดสินใจเอาเครื่องพิมพ์ดีดตีเข้าที่หัวของเจ้าของโรงงานเพื่อเป็นการสั่งสอน พร้อมบอกอีกว่าแก๊งของเขานั้นควบคุม และดูแลเมืองนี้อยู่ ในขณะที่เขานั่งอยู่ในบาร์กับเพื่อนร่วมงานอยู่นั้น นิคได้พบกับแก๊งฝ่ายตรงข้ามที่เคยมีความสัมพันธ์อันดีกับแก๊งของเขา แต่แล้วเมื่อการสืบทอดมาสู่รุ่นลูก ทำให้ความสัมพันธ์ของแก๊งเริ่มเหินห่างออกไป พวกคนในแก๊งฝั่งตรงข้ามได้พูดคุยถึงเรื่องที่เจ้าของโรงงานค้าเหล็กถูกทำร้าย เนื่องจากทางแก๊งมีสัญญาซื้อขาย พวกเขาเป็นหุ้นส่วนกัน ในขณะที่แก๊งของนิคมีชื่อเสียงที่ถดถอยลงไป ทำให้ทางด้านเจ้าของโรงงานเปลี่ยนใจทำสัญญากับอีกแก๊งแทนนั้นเอง ในขณะนั้นนิคเริ่มทนคำขู่และคำเสียดสีไม่ไหว เขาจึงได้หยิบขวดน้ำก่อนตีเขาไปที่หัวสมาชิกแก๊งตรงข้ามทันที ตั้งแต่นั้นมานิคได้เริ่มต้นทำงานอย่างเต็มตัวภายใต้สมาชิกแก๊ง เรื่องราวและเส้นทางของนิคจะดำเนินอย่างไร รับชมกันต่อได้ที่หนังเต็มกันเลย

เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ คือ เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครอย่าง นิค ที่จากนายทหารธรรมดาที่โดยจับตัวสู่แก๊งยากูซ่าที่เปลี่ยนตัวตนของเขาให้มีความอำมหิต โฉด มากยิ่งขึ้น ในส่วนของบทถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว แต่มีบางช่วงที่อืดนิดหน่อย เนิบ ๆ ไปบางที ในส่วนทางด้านของฉากต่าง ๆ สายบู๊ต้องปลื้มแน่นอน เพราะเราจะได้เห็นการต่อสู้ต่าง ๆ ที่มีทั้งเลือดหรือฉากมันส์ ๆ ค่อนข้างเยอะ แต่ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว รวม ๆ แล้วทางด้านตัวบทอาจต้องเพิ่มเนื้อหาให้แน่นกว่านี้มากยิ่งขึ้น เพื่อการเล่าเรื่องผ่านตัวละครเอกมากกว่านี้ ตัดบางฉากที่ไม่จำเป็นออกไป หนังเรื่องนี้เราขอให้คะแนนอยู่ที่ 8.5/10