เสียง : Sound Track

6.1

หนังเรื่อง The Wedding Contract (2023) หนังฝรั่งแนวโรแมนติก อำนวยการสร้างโดย เจมี เกอห์ริง, เอลลีย์ คันเนอร์, ร็อบ ไลคาร์, โจอี้ เพลกเกอร์, โจนาธาน ชอร์, เฟร์นันโด แซฟ, และ ชอว์น วิลเลียมสัน เขียนบทโดย คาเรน เบร์เกอร์ กำกับภาพโดย ไมเคิล ซี. บลันเดล ตัดต่อภาพโดย เจสัน เดล กำกับการแสดงโดย ปีเตอร์ จอห์น เดลูอิส มาพร้อมกับนักแสดงนำมากมาย ได้แก่ เจคอบ ลี เอปสไตน์ รับบทเป็น อดัม (แฟนหนุ่ม รีเบคกา), รีเบคกา เกรซ โทบิน รับบทเป็น รีเบคกา (แฟนสาว อดัม), คอลลีน วีลเลอร์ รับบทเป็น เซดี (แม่ รีเบคกา), และ ลอรา โซลทิส รับบทเป็น ไดแอน (แม่ อดัม)
เป็นเรื่องราวความรักของ อดัม (หนุ่มชาวยิวผู้บริหารบริษัทโฆษณา) กับ รีเบคกา (คุณครูสาว) ทั้งสองคนเป็นแฟนกันมาหลายปี ต่อมา อดัม ก็เปิดตัวแคมเปญโฆษณาออกมา จากนั้นก็ทำให้รอบตัวเขามีแต่อันตราย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้คุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงาน ซึ่งเธอก็ตอบตกลงทันที จากนั้นทั้งคู่ก็ไปแจ้งข่าวดีให้ครอบครัวรับรู้ว่า พวกเขาพร้อมที่จะเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้ว แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะผู้ใหญ่ (แม่) ทั้งสองฝั่งได้เข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจร่วมกัน เกี่ยวกับงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย จึงทำให้พวกเขาได้เห็นความขัดแย้งภายในครอบครัว และความแตกต่างที่ไม่ลงตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นจุดเล็ก ๆ ที่กลายเป็นเรื่องใหญ่โตบานปลาย จนพวกเขาเกือบไม่ได้แต่งงานกัน แต่ด้วยพลังของความรักที่พวกเขามีต่อกันอย่างเหนียวแน่น จึงทำให้ครอบครัวทั้งสองฝั่งพยายามเรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน จนในที่สุดก็ยอมอ่อนข้อให้กัน สุดท้ายงานแต่งในครั้งนี้ก็ออกมาสมดั่งใจ ตามที่พวกเขาต้องการจนได้ สำหรับใครที่อยากทราบว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ อดัม กับ รีเบคกา จะทำอย่างไรเพื่อให้ครอบครัวของตนเองหันหน้ามาปรับความเข้าใจกัน และพวกเขาจะผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปได้หรือไม่ เชิญทุกคนมาติดตามต่อที่นี่ได้เลย

หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ขอสรุปว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังโรแมนติก ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของคู่รักคู่หนึ่ง ซึ่งตกลงจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแต่กลับมีแม่ทั้งสองฝั่ง ที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไรเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจเกี่ยวกับงานแต่งงานในครั้งนี้ด้วย จึงทำให้พวกเขาปวดหัวไม่จบสิ้น พวกเขาเลยใช้ความรักทั้งหมดที่มีให้กัน จัดการปัญหาเรื่องนี้ สำหรับพล็อตเรื่องถือว่าดีพอสมควร ส่วนจุดเด่นของหนังก็คือ มีการนำเนื้อหาขนบธรรมเนียม ซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญของชาวยิว เข้ามาสอดแทรกภายในเรื่องด้วย จุดนี้แสดงให้คนทั่วโลกเห็นว่า ทุกประเทศก็มีความเชื่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนเองที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังทำให้คนดูเปิดโลกกว้างเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วย ที่สำคัญคือ ตัวละครหลักทุกคนแสดงได้สมบทบาทมาก และมีมุกตลกเล็กน้อยเข้ามาสร้างเสียงหัวเราะ แถมบรรยากาศภายในหนังก็ทำออกมาได้น่ารัก สมบูรณ์แบบมาก แต่จุดด้อยของหนังมีเหมือนกันคือ ชุดแต่งงานเจ้าสาวดูไม่ค่อยเรียบร้อยตามแบบฉบับของชาวยิว และจริง ๆ แล้วไม่ควรใส่ชุดเกาะอกรัดรูป ซึ่งจุดนี้ถ้าปรับปรุงได้จะช่วยทำให้หนังดูมีความเป็นธรรมชาติมากกว่านี้ ส่วนสุดท้ายคือ ด้านเทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ ได้แก่ แสง ฉาก สีสวยงาม บรรยากาศน่ารัก และองค์ประกอบอื่น ๆ โดยรวมของหนังถือว่าไม่ได้แย่จนเกินไป ดังนั้นคะแนนภาพรวมทั้งหมดเราให้อยู่ที่ 5 เต็ม 10 คะแนน