เสียง : ไทย

6.8

Trouble with the Curve (2012) หักโค้งชีวิต สะกิดรัก หนังชีวิต หนังรักโรแมนติก กำกับโดย Robert Lorenz และนำแสดงโดย Clint Eastwood, Amy Adams, Justin Timberlake, Matthew Lillard และ John Goodman เรื่องราวของกัสแมวมองรุ่นเก๋า ที่กำลังถูกมองว่าควรถอนตัวจากหน้าที่ แต่ตัวเขาเองยังเชื่อว่าเขายังสามารถทำหน้าที่นี้ได้ และกัสก็เริ่มภารกิจพิสูจน์ตัวเอง
หนังได้พาเราพบกับกัส โลเบลแมวมองรุ่นเก๋าของทีมเบสบอลแอตแลนต้า ที่กำลังเดินทางเพื่อเสาะหานักเบสบอลมัธยมปลายที่มีแววมาเซ็นต์สัญญากับทีมให้ได้ เพื่อเป็นการสร้างดาวดวงใหม่ให้กับทีม แต่ในช่วงหลัง ๆ กัสกำลังโดนเพ็งเล็งว่าความสามารถในการมองหานักกีฬาเข้าทีมนั้นด้อยลง ด้วยอายุที่มากขึ้น ทำให้กัสเลือกที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกสักครั้ง โดยการเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อค้นหานักกีฬาเข้าทีม แต่เพื่อนแท้อย่างพีทที่อยู่ข้างกัสมาตลอดนั้นไม่ค่อยสนับสนุนความคิดที่จะเดินทางครั้งนี้สักเท่าไร ด้วยความเป็นหวังพีทจึงติดต่อแม็กกี้ ลูกสาวคนเดียวกัสให้กลับมาเดินทางไปกับพ่อ ตัดภาพมาที่แม๊กกี้ เมื่อได้ทราบข่าวเธอก็กำลังตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ ด้วย ขณะที่งานกำลังไปในทางที่ดีแต่ก็ไม่สามารถทิ้งพ่อได้ แม้ว่าแม๊กกี้จะไม่ค่อยสนิทกับพ่อนัก เพราะด้วยงานที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ นั่นเอง เมื่อได้คิดทวบทวนแม็กกี้ก็ได้คำตอบคือ แม็กกี้เลือกที่จะหอบงานไปทำด้วย พร้อม ๆ กับตามไปดูแลกัส ในระหว่างนี้เองก็ทำให้แม็กกี้เข้าใจพ่อมากขึ้น ว่าทำไมในวัยเด็กเธอจึงดูเหมือนถูกปล่อยทิ้งไม่ได้รับการดูแลเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่จริง ๆ แล้วกัสเองก็รักแม็กกี้มาก แต่เพราะเขาเป็นคนปากแข็งจึงไม่ได้พูดออกมาให้ได้รู้ แล้ววันหนึ่งกัสและแม็กกี้ก็ได้พบกับจอห์นนี่ เขาเป็นอดีตนักกีฬาที่กัสเซนต์สัญญาด้วย แต่ไม่รุ่งเพราะอาการบาดเจ็บและผันตัวเองมาเป็นแมวมอง ทั้งสามคนจึงร่วมกันปฎิบัติภารกิจตามหานักกีฬาที่มีความสามารถชุดใหม่เข้าทีม เรามาลุ้นกันว่าทั้งสามคนจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่ พร้อมแล้วตามดูที่หนังเรื่องนี้ได้เลย
เป็นหนังอีกเรื่องเราดูแล้วชอบนะ ด้วยการเรียบเรียงเรื่องราวเข้าใจง่าย แม้ว่าโครงเรื่องสามารถเดาตอนจบได้ แต่กลับทำให้เราต้องติดตาม เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะพูดถึงกีฬาเบสบอล แต่เเปลกแทบไม่มีฉากแข่งขันหรืออะไรที่นำเสนอเรื่องของเบสบอลตรง ๆ เลย เพราะตัวหนังต้องการสื่อถึงเรื่องราวระยะห่างของครอบครัว ที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้รับการแก้ไข ถ้าปล่อยไว้อาจสายเกินไปแล้วนั่นเอง โทนของหนังดูอบอุ่น การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเรียบ ๆ แต่มันกลับเป็นเสน่ห์ที่คนดูอย่างเรา ภาพที่ออกมาถึงไม่ได้มีเรื่องของเอฟเฟกต์ใด ๆ เกี่ยวข้อง แต่ก็สามารถทำให้เราดูได้ไม่เบื่อ ถือว่าทำออกมาได้เป็นธรรมชาติ เราเชื่อว่าถ้าคุณได้ดูก็จะหลงรักหนังเรืองนี้แน่นอน เราขอให้คะแนนภาพรวมที่ 8.0 เต็ม 10